หนังรางวัล ออ สกา ร์ ตลอดกาล

หนังรางวัล ออ สกา ร์ ตลอดกาล ‘ออสการ์’ ถือเป็นรางวัลใหญ่ที่สุดและเป็นที่ต้องการมากที่สุดในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั่วโลก รางวัลอันทรงเกียรตินี้ตัดสินและมอบรางวัลโดย Academy of Motion Picture Arts and Sciences (AMPAS) ซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพด้านภาพยนตร์ เราได้แบ่งรางวัลออสการ์ออกเป็นหลายประเภท รวมถึงนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นรางวัลที่ใหญ่ที่สุด มีภาพยนตร์มากมายและนักแสดงที่สมบูรณ์แบบที่สุดทุกปี อวอร์ดจากทั่วโลกแต่จะมีสักกี่เรื่องที่สามารถคว้ารางวัลบนเวทีได้อยากมีส่วนร่วมในการผลิตภาพยนตร์ที่มีประวัติศาสตร์ นี่คือรางวัลสำหรับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมหรือภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และมีเพียงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเพียงรางวัลเดียวในแต่ละปี ภาพยนตร์เรื่องนี้จะถูกจารึกไว้บนหน้าประวัติศาสตร์อันทรงเกียรตินี้ด้วยการคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์ตั้งแต่ปี 1928 เมื่อประมาณ 92 ปีที่แล้ว

ภาพยนตร์ที่มักจะคว้ารางวัลใหญ่บนเวทีออสการ์ มักจะมีภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลซึ่งมีรูปมะกอกอยู่บนโปสเตอร์ ซึ่งบ่งบอกถึงคุณภาพของภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลของเทศกาลนี้ เพื่อเป็นการพิสูจน์ ภาพยนตร์เหล่านี้ได้รับเสียงชื่นชมและจัดอันดับโดย IMDB และ Rottentomatoes แต่กลับกันหนังเรื่องนี้ไม่ได้เน้นบันเทิงหรือการตลาด เอาตรงๆ มันไม่ใช่หนังสนุกเอาใจคนดู นี่คือรูปแบบของภาพยนตร์ส่วนใหญ่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีบางส่วน ที่หนังคว้ารางวัลใหญ่ ‘หนังยอดเยี่ยม’ คือหนังที่สามารถคว้ารางวัลหนังที่มีหนังที่คนดูชอบได้มากมาย โกยทั้งเงินและรางวัล ผมว่ามันไปในทิศทางเดียวกัน เป็นหนังที่สนุก มีคุณภาพ ถูกใจผู้ชมและนักวิจารณ์

หนังรางวัล ออ สกา ร์ ตลอดกาล ที่ต้องดู

  • The Godfather: Part II
    เมื่อความทะเยอทะยานในอำนาจ นำไปสู่การทรยศและความสูญเสียภาคต่อของภาพยนตร์ระดับตำนาน ที่กวาดรางวัลบนเวทีออสการ์มาถึง 6 รางวัล โดยในภาคนี้เป็นเรื่องราวของ Godfather รุ่นลูกที่ต่อเนื่องกับภาคแรก ที่ดอนคนใหม่ได้พยายามรักษาอำนาจและสานต่อธุรกิจของครอบครัว ด้วยการย้ายไปเปิดธุรกิจกาสิโนแห่งใหม่ในเนวาดา จนนำไปสู่การประจันหน้ากับนักการเมืองและการทรยศหักหลังจากคนใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม เนื้อเรื่องเป็นการนำเสนอแบบคู่ขนานที่จะแฟลชแบ็กฉากสลับไปมาระหว่างยุคของผู้เป็นพ่อที่กำลังไต่เต้ามาเป็นมาเฟียที่รุ่งโรจน์และยุคของลูกที่อำนาจกำลังถดถอยลงเรื่อย ๆซึ่งแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่มีฉากยิงกันแบบดุเดือดเลือดสาด แต่กลับเข้มข้นครบรสด้วยฉากการวางแผนที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมเพื่อช่วงชิงผลประโยชน์ การรักษาอำนาจ และการแก้แค้น ที่แน่นอนว่าในโลกของเจ้าพ่อนั้นไม่มีสิ่งใดที่ได้มาโดยไม่มีการสูญเสีย โดยถือเป็นหนึ่งหนังภาคต่อที่ดีที่สุดตลอดกาล
  • The Lord of the Rings: The Return of the King
    ภาคสุดท้ายของการต่อสู้ ที่จะตัดสินชะตากรรมของมิดเดิลเอิร์ธภาคสุดท้ายที่เป็นบทสรุปของสุดยอดภาพยนตร์ไตรภาค The Lord of the Rings ที่ในภาคนี้ เป็นการหวนคืนกลับสู่บัลลังก์ราชาของ Aragorn แต่แล้วกองทัพที่รวบรวมขึ้นโดย Gandalf กำลังจะพลาดท่าเสียทีให้แก่ Sauron ที่กำลังบุกเข้าโจมตีมิดเดิลเอิร์ธ ความหวังสุดท้ายจึงตกอยู่ที่ Frodo ซึ่งกำลังเดินทางไปยังเขาเมาท์ดูมในมอร์ดอร์เพื่อทำลายแหวนร่วมกับ Sam และ Gollum แต่ยิ่งพวกเขายิ่งเข้าใกล้ภูเขาลูกนี้มากเท่าใด พลังชั่วร้ายของแหวนก็ยิ่งเข้าครอบงำ Frodo มากขึ้นทุกที จนทำให้เขาเริ่มสูญเสียความเป็นตนเองไปเป็นภาพยนตร์ดัดแปลงจากวรรณกรรมของ J. R. R. Tolkien ที่ได้รับการรังสรรค์จากผู้กำกับฝีมือดีอย่าง Peter Jackson จนสามารถการันตีคุณภาพได้ด้วยรางวัลออสการ์ 11 สาขา และทำรายได้ไปมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งชะตากรรมของมิดเดิลเอิร์ธจะเป็นอย่างไร ไปหาคำตอบกันได้ในหนังเลย
  • Parasite
    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าช่วงหลายปีหลังมานี้วงการภาพยนตร์ของเกาหลีใต้พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด มีหนังดีๆ ออกมาให้เราดูมากมาย และกับความสำเร็จครั้งใหม่นี้กับ Parasite ด้วยบทที่โดดเด่นเล่าเรื่องความเหลื่อมล้ำในสังคมที่เหมือนจะหนักและดูยากได้อย่างไหลลื่นและกลมกล่อม สมทบด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมจากดาราชั้นนำของวงการ ส่งให้ Parasite คว้าออสการ์ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและเป็นเรื่องแรกที่ใช้ภาษาต่างประเทศมาครองได้ ใครชอบดูหนังไม่เครียดมาก แนะนำว่าต้องไปหาดูเพราะทั้งเรื่องสนุกและเดาทางไม่ถูกจริงๆ สุดสัปดาห์นี้อยากเริ่มเก็บออสการ์ เริ่มจากเรื่องนี้ได้เลย หนังรางวัล ออ สกา ร์ ตลอดกาล
  • Titanic
    ภาพยนตร์สุดคลาสสิคที่สามารถนำเรื่องราวทางประวัติศาสตร์กับวรรณกรรมรักโรแมนติกมาบรรจบกันได้อย่างลงตัว จากทัศนของผู้กำกับ Jame Cameron เรื่องราวของ Jack และ Rose ที่ได้มาพบรักกันบนเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่มนุษยชาติเคยมีมา ก่อนที่เราจะรู้ชะตากรรมของเจ้าเรือยักษ์ลำนี้กันดีอยู่แล้ว ภาพยนตร์ทำออกมาได้ลงตัวในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น ภาพ ดนตรี หรือ การสื่อความรักที่ทั้งสองมีให้กันจนวาระสุดท้าย การันตรีความยอดเยี่ยมนี้ด้วยอันดับ 1 หนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลหลายปีซ้อน โดยปัจจุบันภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังคงอยู่ที่อันดับ 3 เป็นรองแค่ Avatar จากฝีมือผู้กำกับคนเดียวกัน และ Avenger Endgame ของสองพี่น้อง Russo
  • Slumdog Millionaire
    เรื่องราวของ จามาล มาริค ( Dave Patel )เด็กหนุ่มวัย 18 จากสลัมมุมไบ ผู้ตัดสินใจออกตามล่าหาฝันในรายการทีวี Who Wants To Be A Millionaire หรือเกมเศรษฐีบ้านเรานั่นแหละ จามาล ตอบคำถามมาจนถึงรางวัลแจ็คพ็อต ที่มีเงินรางวัลสูงถึง 20 ล้านรูปี ในระหว่างช่วงพักก่อนจะถ่ายทำต่อคำถามสุดท้าย พิธีกรก็เกิดสงสัยว่า จามาล โกงเกมโชว์ เพราะพื้นเพของเค้า บวกกับหน้าตาที่ดูฉลาดน้อย จึงให้ตำรวจมาจับเค้าไปเค้นความจริง จามาล ถูกทรมานต่าง ๆ นานา และเค้าก็คายกุญแจแห่งคำตอบออกมา นั่นก็คือชีวิตความเป็นอยู่ที่แสนยากลำบาก สะท้อนมุมมองสังคม ของประเทศที่กำลังพัฒนา การแบ่งชนชั้นวรรณะ แต่เรื่องราวที่ดูเคร่งเครียดนี้ หนังกลับสื่อออกมาได้ผ่อนคลาย และ ไม่ตึงอารมณ์ผู้ชมมากเกินไป ทำให้เราได้เห็นโลกความเป็นจริงในอีกหลาย ๆ มุม ซึ่งมันสอนเราได้เป็นอย่างดี ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์อินเดียจำกัดโรงฉาย ม้ามืด ที่มาพลุแตกจากรางวัลออสการ์ และ คำวิจารณ์ที่ให้ความเห็นไปในทางเดียวกัน จนคนทั่วโลกต้องพากันไปดูในโรงภาพยนตร์
  • Birdman
    หากจะกล่าวถึงหนัง One Cut (ถ่ายต่อเนื่องไม่ตัด) ดี ๆ สักเรื่อง คงจะไม่พูดถึง Birdman (2014) ไม่ได้แน่ ๆ เพราะการใช้ One Cut ของเรื่องนี้ไม่ได้มาแบบเอาเท่อย่างเดียว และใครที่เห็นหน้าหนังแล้วนึกว่าเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ ก็ต้องบอกว่าคิดผิดถนัด เพราะเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ดราม่าหนัก ๆ ที่บอกเล่าชีวิตของ Riggan (Michale Keaton) นักแสดง ที่เคยรับบทเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ยอดฮิตของยุคนึง แต่เมื่อแก่ตัวต้องหันมาเอาดีทางละครเวที ในขณะที่ความหอมหวานของความสำเร็จในอดีต คอยตามหลอกหลอนเค้ามาตลอด ถ่ายทอดโดย Alejandro G. Iñárritu ผู้กำกับสายรางวัลจาก The revernant (2015) หนังรางวัล ออ สกา ร์ ตลอดกาล

บทความที่เกี่ยวข้อง